การฆาตกรรมเหยื่อ


การฆาตกรรม

         แคมเปอร์ย้ายไปอยู่ในฟาร์มกับปู่ย่า เค้าเริ่มมีความสนใจในปืน พอเค้าเริ่มฆ่าสัตว์เล็กๆปู่ก็เลยริบปืนของเค้า เมื่อแคมเปอร์อายุ 15 เค้าได้ทะเลาะกับย่าที่ในครัวและยิงเธอเสียชีวิต เค้าออกไปดักรอปู่ที่หน้าบ้าน เมื่อปู่ขับรถเข้ามาเค้าก็ได้ยิงปู่ตาย เค้าบอกว่าปู่จะได้ไม่ต้องเสียใจที่ย่าตายไปแล้ว

หลังจากนั้นเค้าโทรหาแม่ของเค้า แม่ของเค้าบอกให้โทรแจ้งตำรวจ หลังจากถูกจับ แคมเปอร์บอกว่า เค้าฆ่าย่าเพียงเพราะ อยากรู้ว่าจะรู้สึกยังไง

“ to see what it felt like “
         
  
          แคมเปอร์ถูกส่งไปที่ California Youth Authority เค้าถูกทดสอบหลายอย่างซึ่งผลแสดงออกมาว่า เค้ามี IQ สูงถึง 145 และรวมถึงเป็นโรคจิตแบบหวาดระแวง (Paranoid schizophrenia) เค้าจึงถูกส่งตัวไปที่ Atascadero State Hospital และถูกปล่อยตัวออกมาเมื่ออายุได้ 21 ปี

หลังถูกปล่อยตัวแคมเปอร์กลับมาอาศัยอยู่กับแม่อีกครั้ง และในปีเดียวกันนั้นเองเค้าได้เริ่มทำงานให้กับ สำนักทางหลวง ต่อมาแคมเปอร์ถูกรถชนขณะขับมอร์ไซด์ซึ่งเหตุการณ์นี้เองทำให้เค้าได้รับเงินก้อนโตถึง 15,000 เหรียญ เค้ารู้จากการทำงานว่าในบริเวณทางหลวงมีผู้หญิงโบกรถเพื่อการเดินทางจำนวนมาก เค้าเริ่มซื้อรถ และอุปกรณ์ต่างๆเช่น ปืน มีด กุญแจมือ สำหรับใช้ในการสนองความต้องการต่อไปของเค้า

      


ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ edmund kemper          การวางแผนฆาตรกรรมเริ่มต้นขึ้นจากแรงบันดาลใจที่เห็นเด็กสาวโบกรถ เพราะเด็กสาวพวกนี้ไม่ระวังตัว คิดแต่จะประหยัดค่าใช้จ่าย ขึ้นรถใครไปก็ได้ขอเพียงแค่เขาจอดรับ เคมเปอร์มองว่าความใจกล้าของเด็กสาวพวกนี้เป็นอะไรที่น่าท้าทาย เขาจัดการดัดแปลงรถให้ออกไม่ได้ และก็ได้เหยื่อสองคนแรกในแถบมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในเดือนพฤษภาคมปี 1972 เคมเปอร์รับนักศึกษาขึ้นรถมาสองคนแต่แทนที่จะไปส่งพวกหล่อนที่มหาวิทยาลัย เขากลับไปยังสถานที่ที่ปลอดคน ขู่เด็กๆให้อยู่นิ่งๆด้วยปืนพกและกุญแจมือ จากนั้นก็ระดมแทงเด็กสาวคนแรก ส่วนอีกคนที่ขังไว้ในฝากระโปรงรถก่อนจะตัดหัว นำศพไปยัดไว้ท้ายรถและขับกลับไปที่อพาร์ทเมนต์ และหั่นศพเป็นชิ้นๆแล้วค่อยเอาไปฝังไว้ในหุบเขา เหยื่อรายต่อมาเป็นนักศึกษาชาวญี่ปุ่นวัย 15 ปี เขาใช้เทคนิคเดิมด้วยการรับเด็กสาวขึ้นรถ พาไปที่เปลี่ยวจากนั้นข่มขู่ ชกเข้าที่ใบหน้าและข่มขืนเธอ เมื่อเสร็จกิจจึงรัดคอให้ขาดอากาศตายก่อนจะหั่นศพและอำพรางด้วยการฝัง ส่วนเด็กสาวผู้โชคร้ายคนที่สี่ถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิตทันที และก็ตามเคย เขาชื่นชอบการสำเร็จความใคร่กับร่างเย็นชืดไร้ชีวิตของเหยื่อ ในปี 1973 หลังจากที่เคมเปอร์ทะเลาะกับแม่อย่างรุนแรง เขาออกมาขับรถเพื่อระบายอารมณ์และพบหญิงสาวสองคนโบกรถอยู่ข้างทาง เขารับพวกเธอขึ้นมา จากนั้นทำแบบเดียวกับเด็กผู้หญิงสี่คนก่อนหน้า ในช่วงเวลากว่าสองปีมีเด็กสาวจำนวน 6 คนที่หายไปด้วยฝีมือของเขา บางคนถูกพบศพบางคนก็ยังคงหายสาบสูญอยู่ และไม่มีใครสามารถสาวไปถึงตัวเคมเปอร์ผู้ลงมือฆาตรกรรมอย่างโหดเหี้ยมได้เลย สาเหตุที่เขาสังหารเหยื่อทุกคนเป็นเพราะเขาชื่นชอบเสพสมกับศพ และฆ่าเหยื่อเพื่อไม่ให้พวก และฆ่าเหยื่อเพื่อไม่ให้พวกเธอย้อนกลับมาเป็นพยานเล่นงานเขาภายหลัง เพราะถ้าเหยื่อไม่สามารถพูดได้อีกต่อไปก็จะไม่มีใครมาให้การได้ 


   มารดา

"แม่เห็นผมเป็นเหมือนหุ่นเชิดของตัวเอง จะจับผมเชิดไปทางไหนก็ได้ สักวันผมจะฆ่าเธอ ของเพียงแค่รอโอกาสที่เหมาะสมเท่านั้น" 

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง     ในวันที่เขาตัดสินใจจบชีวิตของแม่ นายเคมเปอร์เข้ามารอแม่ในห้องนอน คุณนายเคมเปอร์กลับมาจากดินเนอร์ในสภาพไม่เต็มร้อยเพราะดื่มไปเยอะ เคมเปอร์สารภาพกับแม่ว่าเขาฆ่าเด็กสาวไปแล้ว 6 คน บอกทุกอย่างจนหมดเปลือกว่าก่อนหน้านี้เขาทำอะไรลงไปบ้าง แต่สิ่งเดียวที่เขาไม่ได้บอกแม่คือในคืนนี้เขาจะฆ่าแม่ด้วยมือของตัวเอง คุณนายเคมเปอร์ที่กำลังเมาก็ยังคงเหมือนเดิม เธอละเลยและไม่ได้สนใจจะฟังเรื่องราวที่เขาเล่ามานัก เคมเปอร์จึงรอจนแม่หลับ จากนั้นเดินไปที่เตียงพร้อมกับมือที่ถือค้อน ฟาดไม่ยั้งไปที่ศีรษะกะโหลกแหลกละเอียด บนเตียงเต็มไปด้วยเลือดของแม่และสิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำกับผู้เป็นแม่ที่ไม่เคยรักเขาคือการตัดหัวและสำเร็จความใคร่ในปากเย็นชืดไร้วิญญาณของเธอ 

"มีหลายเรื่องที่ผมอยากให้เธอได้รับรู้ ผมเลยนำหัวของเธอมาวางไว้เหนือเตาผิง ผมด่าเธอ อยากให้เธเรูัว่าที่ชีวิตตัวเองบัดซบได้ขนาดนี้มันเป็นเพราะใคร พอเริ่มหงุดหงิดเลยเอาหัวเธอเป็นเป้าปาลูกดอก ปาไปด่าไป และเธอก็ไม่ได้โต้ตอบผมสักคำ" 

      หลังจากนั้นเขาโทรหาเพื่อนของแม่ให้มาที่บ้าน ฆ่าทิ้งด้วยการต่อยหน้าเธอจนเละแล้วค่อยรัดคอจนสิ้นใจ จากนั้นทำเหมือนเดิมโดยการมีเพศสัมพันธ์กับศพและหั่นเธอ ชิ้นเนื้อมนุษย์กระจายไปคนละทิศละทาง เลือดแดงฉานอาบพื้นห้อง จากนั้นเขาก็ไปอาบน้ำล้างคราบเลือดในห้องน้ำและขับรถออกไปจากบ้าน พร้อมกับทิ้งจดหมายไว้บนโต๊ะว่า 

"05:15 ใกล้รุ่งเช้าของวันเสาร์ แม่ไม่ต้องอยู่ด้วยความเจ็บปวดอีกต่อไป ชีวิตเธอจบด้วยน้ำมือของยอดนักชำแหละที่ทำด้วยความเร็วและประณีต" 

 แต่ในความเป็นจริงจากคำให้การและสภาพของคุณนายเคมเปอร์ก็ไม่ได้ทำให้เห็นเลยว่าเขาเป็นนักชำแหละสุดประณีตตรงไหน เพราะเขาเอาค้อนทุบหัวแม่จนสิ้นใจแล้วค่อยหั่นศพเป็นชิ้นๆต่างหาก ขณะที่เคมเปอร์กำลังขับรถชมวิวและเปิดวิทยุฟังไปด้วยเพื่อรอว่าเมื่อไหร่จะมีข่าวเรื่องแม่และเพื่อนที่เขาฆ่าทิ้ง แต่ไม่มีข่างคราวสักที เขาขับรถไปไกลกว่า 1,500 ไมล์ จนถึงรัฐโคโลราโดที่แสนสงบ จากนั้นจึงโทรหาตำรวจและบอกว่าตัวเองฆ่าคนส่วนศพก็ยังอยู่ในบ้านและก็นั่งรอให้ตำรวจมาจับด้วยท่าทางสบายๆ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น